ข้อดี-ข้อเสียของ E-Commerce 


ข้อดีของ E-Commerce 

    ด้วยความสะดวกสบายของอินเทอร์เน็ตที่ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการสื่อสาร ส่งผลไปยังการพัฒนาการทำธุรกิจ ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนความต้องการบางอย่างได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้

    1) สื่อสารกับผู้บริโถคได้ง่ายด้วยอินเตอร์เน็ต

    ด้วยระบบอินเทอร์เน็ตทำให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการกันได้อย่างอิสระ การ ‘โฆษณา’ จึงกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมากขึ้น

    2) ทำได้ด้วยตัวเอง ลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร

    เนื่องจากแพลตฟอร์มหรือเครื่องมือต่างๆ สามารถตอบโจทย์การทำงานค้าขายได้ทุกรูปแบบ เพียงแค่วิธีการทำงานจะต่างจากเดิม ทำให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมธุรกิจของตัวเองได้ด้วยตัวคนเดียว

    3) มี Tool ที่ใช้สำรวจความต้องการของผู้บริโภค

    ด้วยเครื่องมือต่างๆ ทำให้เราเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคเบื้องต้นได้ง่ายๆ ไม่ต้องออกไปทำการสำรวจด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องอาศัยการคาดเดาพฤติกรรมผู้บริโภคจากผู้ประกอบการอยู่ดี

    4) ไม่ต้องสต๊อคสินค้าก่อน

    เราไม่จำเป็นจะต้องซื้อสินค้ามาเก็บแล้วรอขายเพื่อเอากำไรอีกต่อไป การทำธุรกิจแบบ E-Commerce จะเป็นลักษณะที่ เมื่อมีลูกค้าสั่งสินค้าเราถึงจะดำเนินการสั่งสินค้าและส่ง 

    5) เลือกกลุ่มเป้าหมายที่จะทำการโฆษณาได้

    เราไม่จำเป็นจะต้องไปเสียเงินทำโฆษณาแพงๆ เพื่อให้คนเห็นเยอะๆ อีกต่อไป แทนที่เราจะทำแบบนั้นเราเลือกกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือการบริการของเราดีกว่า 

    6) เปิดขายได้จลอด 24 ชั่วโมง

    ตัดปัญหาเรื่องการเปิดปิดร้านไปซะ เพราะระบบออนไลน์ไม่มีวันหลับ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

    7) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก

     ช่องทางนี้มันสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลกด้วยระบบอินเทอร์เน็ต เพราะฉะนั้นเราก็สามารถขายของได้ทั่วโลกโดยไม่มีข้อจำกัด แต่ก็ขึ้นอยู่กับความรู้เรื่องพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการด้วย

ข้อเสียของ E-Commerce 

    ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เมื่อมีข้อดีมากข้อเสียก็ต้องมีมากให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคคอยระวังตัวกันด้วย เนื่องจากความสะดวกสบายทำให้เกิดช่องว่างที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อการติดต่อสื่อสารได้ ดังนี้
    1) ผู้บริโภคไม่สามารถสัมผัสสินค้าจริงได้
    ข้อเสียที่ชัดเจนที่สุดของ E-Commerce ก็คือผู้บริโภคไม่สามารถสัมผัสกับสินค้าได้ จนอาจทำให้เกิดความผิดพลาดเรื่องขนาดของสินค้า เหตุที่เกิดบ่อยมากที่สุดก็คือสินค้าเครื่องแต่งกาย
    2) มีการแข่งขันสูงมาก
    เป็นปกติอยู่ ช่องทางที่สะดวกสบายขนาดนี้ แถมไม่มีค่าใช้จ่ายในการสร้างพื้นที่อีก ไม่ว่าใครต่างก็ทำได้ทั้งนั้น จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงมากในวงการ E-Commerce และก็คือหน้าที่ของผู้ประกอบการแล้วว่าจะสร้างความโดดเด่นให้กับร้านค้าและสินค้าอย่างไรให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
    3) ยากต่อการค้นหา เพราะคู่แข่งเยอะ
    และเมื่อคู่แข่งเยอะ แสดงว่าต้องมีผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจสายเดียวกับเราเยอะเช่นกัน หากเราไม่สามารถตั้งชื่อหรือทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้มากพอ ก็จะยากต่อการค้นหา เพราะคู่แข่งในตลาดเยอะ
    4) การส่งสินค้าต้องใช้เวลา สร้างความกังวลให้ผู้บริโภค
    ในการส่งสินค้าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ซึ่งจะสร้างความกังวลให้ผู้บริโภคทั้งในแง่ของการถูกหลอกให้จ่ายเงินก่อน และความเสียหายของสินค้าเวลาขนส่ง ผู้ประกอบการคงต้องมีวิธีการเลือกบริการขนส่งที่ไว้ใจได้หน่อย
    5) เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม ด้วยผู้ไม่หวังดีทางอินเตอร์เน็ต
    ด้วยความที่โลกออนไลน์มีความอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างมาก ทำให้ธุรกิจของเราอาจจะถูกคุกคามจากผู้ไม่หวังดีก็ได้ จนถึงขนาดที่อาจทำให้โดนแทรกแซงได้
    6) เข้าถึงได้เฉพาะผู้บริโภคที่ใช้อินเตอร์
    ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก แต่ก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สะดวกในช่องทางนี้ นี่จึงเป็นอีกข้อเสียที่การทำธุรกิจแบบ E-Commerce ไม่อาจตอบสนองต่อทุกคนได้ 100%


ขอบคุณข้อมูลจาก Adaddicitth